Archive for 2015

ยื่นแบบภาษีออนไลน์ ด้วยขั้นตอนการสมัครง่ายๆ

No Comments »


(Source: www.apkmodgame.net)

ในปัจจุบัน ทางกรมสรรพากร ได้เสนอช่องทางหลากหลายในการยื่นแบบภาษีเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้เสียภาษี โดยสามารถเลือกที่จะยื่นแบบด้วยตัวเองที่สรรพากรพื้นที่ ยื่นที่ธนาคาร หรือแม้แต่ยื่นที่ไปรษณีย์ (สำหรับการยื่นแบบระหว่างวันที่ 1 มกราคม - 31 มีนาคม) และสำหรับโลกยุคปัจจุบัน ที่คนเริ่มเข้าถึงอินเตอร์เน็ตกันได้มากขึ้น การยื่นแบบออนไลน์ผ่านบริการของกรมสรรพากร ก็เป็นวิธีหนึ่งที่สะดวกสบายมากๆ และก็ยังช่วยผู้เสียภาษีประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางได้อีกด้วย เพียงแค่มีอินเตอร์เน็ตเท่านั้นเอง

สมัครยื่นแบบออนไลน์สำหรับนิติบุคคล ต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง
1. แบบ ภ.อ. 01
2. ข้อตกลงในการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีผ่านอินเตอร์เน็ต
3. หนังสือรับรองบริษัท
4. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มีอำนาจพร้อมลายเซ็น

ถ้าผู้มีอำนาจไปยื่นแบบด้วยตนเอง ใช้แค่เอกสารตามข้อ 1 - 4 แต่กรณีมอบอำนาจต้องใช้เอกสารเพิ่มเติมดังนี้
5. หนังสือมอบอำนาจ
6. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มีอำนาจ
7. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ

ให้กรอก แบบ ภ.อ. 01 โดยเข้าไปที่ www.rd.go.th ภายใต้หัวข้อ "บริการสมาชิก" คลิกที่ "รายละเอียด" แล้วเลือก "สมัครสมาชิก" เพื่อเข้าไปกรอกแบบ ภ.อ. 01 หลังจากกรอกรายละเอียด และคลิกตกลงเรียบร้อยแล้ว ให้พิมพ์แบบออกมา พร้อมกับพิมพ์แบบข้อตกลงในการยื่นแบบด้วย

ข้อควรระวังสำหรับแบบ ภ.อ. 01 คือ เมื่อกรอกข้อมูลในแบบเรียบร้อยแล้ว ให้ระวังอย่าปิดหน้าจอก่อนที่จะพิมพ์แบบ แต่ถ้ายังไม่สะดวกที่จะพิมพ์ ก็ให้จดหมายเลขอ้างอิงเอาไว้ก่อน เพื่อใช้ในการสืบค้นแบบเพื่อพิมพ์ในภายหลัง ที่สำคัญอีกอย่างคือจะต้องยื่นแบบที่พิมพ์ออกมาพร้อมยื่นเอกสารต่างๆ ภายใน 15 วันหลังจากวันที่กรอกแบบ ภ.อ. 01 ออนไลน์

หากไม่ได้พิมพ์แบบข้อตกลงในการยื่นแบบออกมาด้วยแล้วบังเอิญปิดหน้าต่างไปแล้ว สามารถเข้าไปดาวน์โหลดแบบข้อตกลงได้ภายหลัง

หลังจากพิมพ์แบบออกมาแล้ว ให้กรรมการผู้มีอำนาจลงนามพร้อมประทับตรา(ถ้ามี) ลงบนแบบภ.อ.01 และแบบข้อตกลงในการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีผ่านอินเตอร์เน็ต

ให้กรรมการผู้มีอำนาจลงนามและประทับตรา(ถ้ามี) ลงบนหนังสือรับรองบริษัททุกหน้า ทั้งนี้หนังสือรับรองบริษัทจะต้องมีอายุไม่เกิน 6 เดือน

กรณีมอบอำนาจ หนังสือมอบอำนาจ จะต้องลงชื่อผู้มอบอำนาจพร้อมประทับตราบริษัทด้วย โดยให้แนบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจพร้อมลายเซ็น ทั้งนี้หนังสือมอบอำนาจให้ติดอากรแสตม์ป 10 บาท สามารถไปซื้อที่กรมสรรพากรตอนไปยื่นแบบก็ได้

ยื่นแบบภ.อ.01 และเอกสาร ที่ไหนได้บ้าง
1. กรณีสถานประกอบการตั้งอยู่ในกรุงเทพมหาคร สามารถเลือกยื่นที่กรมสรรพากรตรงอารีย์ หรือยื่นที่สรรพากรพื้นที่ก็ได้

2. กรณีสถานประกอบการตั้งอยู่นอกกรุงเทพมหานคร ให้นำส่งที่สรรพากรพื้นที่ (จังหวัด) ที่สถานประกอบการตั้งอยู่

แต่จากประสบการณ์ กรณีสถานประกอบการตั้งอยู่นอกกรุงเทพมหานคร ในเขตปริมณฑล ก็สามารถที่จะเลือกยื่นแบบที่กรมสรรพากรที่อารีย์ ได้เหมือนกัน ทั้งนี้ให้โทรสอบถามกับกรมสรรพากรก่อนจะได้ไม่ต้องเสียเวลา

หากยื่นแบบที่กรมสรรพากรตรงอารีย์ ให้ไปยื่นที่สำนักบริหารการเสียภาษีทางอิเล็กทรอนิกส์ ที่ชั้น 27 เจ้าหน้าที่ใช้เวลาตรวจสอบเอกสารไม่เกิน 10 นาที ถ้าเรียบร้อยก็จะได้รับ username และ password เลย

หากยื่นแบบที่สรรพากรพื้นที่ ก็ใช้เวลาไม่นานเช่นกัน โดยจะได้รับ username และ password ทีหลัง ทางอีเมลที่กรอกไว้ในแบบ ภ.อ. 01

username และ password ที่ได้รับต้องรอประมาณ 3-4 วันทำการ จึงจะใช้ล็อกอินเข้าไปยื่นแบบได้ ดังนั้นควรจะมีการวางแผนยื่นแบบก่อนล่วงหน้ากำหนดยื่นแบบต่างๆล่วงหน้าซักหนึ่งถึงสองอาทิตย์

บุคคลธรรมดายื่นแบบออนไลน์ ทำยังไง
สำหรับบุคคลธรรมดาสามารถสมัครยื่นแบบทางออนไลน์ได้เลย ไม่จำเป็นต้องมีการยื่นเอกสารเพิ่มเติม


นำส่งงบการเงิน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ด้วยตัวเองไม่ยากอย่างที่คิด

2 Comments »

นำส่งงบการเงิน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ด้วยตัวเองไม่ยากอย่างที่คิด



เดือนพฤษภาคมของทุกปี เป็นเดือนสุดท้ายของการนำส่งงบการเงินของบริษัทที่มีรอบบัญชีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และด้วยเหตุนี้เองทำให้เดือนนี้เป็นเดือนที่ทั้งผู้ทำบัญชี และผู้ตรวจสอบบัญชีจะยุ่งมากๆ ทั้งนี้หากไม่ได้มีการวางแผนที่ดีและไม่สามารถนำส่งงบการเงินได้ทัน เจ้าของกิจการอาจโดนค่าปรับซึ่งมีจำนวนสูงถึง 12,000 บาทได้ ดังนั้นเจ้าของกิจการเองควรจะมีความรู้และมีการเตรียมพร้อมสำหรับการนำส่งงบการเงินประจำปี

ข้อมูลดังต่อไปนี้ อ้างอิงจากคู่มือการนำส่งงบการเงิน ประจำปี 2558 ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า

นำส่งงบการเงินสำหรับบริษัทจำกัดต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง?
1. แบบนำส่งงบการเงิน (แบบ ส.บช.3) จำนวน 2 ฉบับ
2. รายงานผู้สอบบัญชีรับอนุญาต จำนวน 1 ฉบับ
3. งบการเงิน จำนวน 1 ชุด
4. สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น จำนวน 1 ชุด

แบบนำส่งงบการเงิน (แบบ ส.บช.3) สามารถดาวน์โหลดเป็น pdf file ได้ที่เวบไซต์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และในตัว pdf file นั้น สามารถที่จะพิมพ์รายละเอียดลงไปได้เลย เมื่อกรอกรายละเอียดครบก็ให้สั่งพิมพ์ออกมา แล้วให้ผู้มีอำนาจลงนามเซ็นพร้อมประทับตรา (ถ้ามี)

สิ่งที่ต้องระวังคือ แบบสบช3 นี้จะต้องพิมพ์ออกมาสองชุด เนื่องจากเมื่อเราไปยื่นแบบที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ทางนายทะเบียนจะเก็บไว้หนึ่งชุด ส่วนอีกชุดทางนายทะเบียนจะสแตมป์วันที่พร้อมเซ็นรับ และให้เรานำกลับไปเพื่อเป็นหลักฐานการนำส่ง

รายงานผู้สอบบัญชีรับอนุญาต จะต้องลงลายมือชื่อด้วยหมึกเท่านั้น และต้องระบุชื่อผู้สอบบัญชีรับอนุญาตและเลขทะเบียนผู้สอบบัญชีรับอนุญาตด้วย และให้เช็คว่าวันที่ๆระบุนั้นต้องเป็นวันที่หลังปิดรอบบัญชี และก่อนวันยื่นงบ

งบการเงิน จะต้องมีลายเซ็นของผู้มีอำนาจลงนามพร้อมประทับตรา (ถ้ามี) ในงบการเงินทุกหน้า สำหรับหมายเหตุประกอบงบการเงินให้ลงลายมือชื่อรับรองเฉพาะหน้าสุดท้าย ทั้งนี้ในงบแสดงฐานะการเงินจะต้องระบุข้อความว่า งบการเงินได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นครั้งใด เมื่อวันที่ เดือน ปี ใด ด้วย

สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (บอจ.5) สามารถดาวน์โหลดเป็น pdf file ได้ที่เวบไซต์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเช่นกัน เมื่อดาวน์โหลดมาแล้วสามารถพิมพ์เข้าไปใน file ได้เลย โดยให้ระวังว่า วัน เดือน ปี ครั้งที่ประชุมสามัญ นั้นจะต้องตรงกับวันที่ ที่ระบุไว้ในแบบสบช.3 และงบการเงิน รวมทั้งต้องให้ผู้มีอำนาจลงนามพร้อมประทับตรา(ถ้ามี)

ในอดีตนั้นบริษัทจะต้องนำส่ง บอจ.5 ภายใน 14 วัน หลังจากประชุมสามัญ แต่สำหรับการนำส่งงบการเงินตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2555 เป็นต้นไป อนุโลมให้ยื่นพร้อมงบการเงินคือภายใน 1 เดือนหลังจากประชุมสามัญ (หรือภายใน 5 เดือน นับแต่วันปิดบัญชี)

สามารถนำส่งงบการเงิน ที่ใดได้บ้าง?
1. นำส่งด้วยตนเอง ณ หน่วยงานของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าที่ใดก็ได้
2. นำส่งทางไปรษณีย์แบบลงทะเบียนตอบรับ หรือส่งแบบประกันการสูญหาย
3. นำส่งทางอิเล็กทรอนิกส์ (DBD e-Filling) ทั้งนี้จะต้องขอ username กับ password ก่อน

ถ้าไปยื่นเองใช้เวลานานไหม?
จากประสบการณ์ที่ไปยื่นงบการเงินให้กับลูกค้ามา การนำส่งงบการเงินนั้นค่อนข้างที่จะรวดเร็วทีเดียว
ทั้งนี้เนื่องจากในเดือนพฤษภาคมจะเป็นเดือนที่มีบริษัทมานำส่งงบการเงินกันมาก ทำให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าจัดกำลังคนสำหรับการตรวจสอบเอกสารและรับงบการเงินเป็นจำนวนมาก โดยเฉลี่ยแล้วใช้เวลาเพียงแค่ 5 นาทีต่อการยื่นงบการเงินหนึ่งงบ ซึ่งถือว่าเป็นเวลาที่รวดเร็วและน่าประทับใจมากๆ สำหรับบริการของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า

จะเห็นได้ว่าการยื่นงบการเงินนั้นไม่ยากเลย เพียงแค่มีการจัดการที่ดี เตรียมหาผู้ทำบัญชีปิดงบการเงิน และหาผู้สอบบัญชีแต่เนิ่นๆ เพื่อให้ทั้งผู้ทำบัญชีและผู้สอบบัญชีสามารถวางแผนงานได้ เพื่อให้สามารถจัดเตรียมงบการเงินได้ทันเวลา หากวางแผนได้ดีแล้วก็ย่อมจะเป็นประโยชน์กับตัวบริษัทที่ไม่ต้องสุ่มเสี่ยงที่จะต้องเสียค่าปรับจากการนำส่งงบการเงินล่าช้า

รีวิวจดทะเบียนบริษัท

No Comments »

หลายวันก่อนได้มีโอกาสไปจดทะเบียนบริษัทให้กับลูกค้าที่ทำบัญชีด้วย จึงอยากมาเขียนรีวิวเกี่ยวกับการจดทะเบียนบริษัท เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับคนที่มีความคิดอยากจะเปิดบริษัทและอยากจดทะเบียนบริษัทด้วยตนเอง

ก่อนอื่นเลยเรามาดูกันว่าการจดทะเบียนบริษัทด้วยตนเองมีข้อดีอย่างไร
1. ประหยัดค่าใช้จ่าย - แน่นอนว่าหากจ้างคนอื่นทำย่อมต้องมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นแน่ๆ โดยเฉลี่ยแล้วถ้าจ้างคนอื่น
                             ก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายใน การจดทะเบียนที่ประมาณ 2,000 - 3,000 บาท ซึ่งเป็นเฉพาะ
                             ค่าบริการยังไม่รวมค่าธรรมเนียมจัดตั้ง ฉะนั้นถ้าสามารถดำเนินการด้วยตนเองได้ก็จะ
                             ประหยัดได้หลายพันเลย

2. ความภูมิใจ - เคยคุยกับลูกค้าที่จ้างคนอื่นเปิดบริษัท หลายคนบอกว่าถ้าตอนนั้นรู้ก่อนว่าการจดทะเบียน
                    บริษัทนั้นง่าย ไม่ได้มีขั้นตอนอะไรยุ่งยาก ก็คงเลือกที่จะจดด้วยตนเอง เพราะมันจะเท่มาก หาก
                    ได้บอกใครๆว่า บริษัทนี้เป็นบริษัทที่สร้างขึ้นมาเองกับมือ แม้กระทั่งตอนเริ่มต้นจดทะเบียนบริษัท
                    ก็ยังทำด้วยตัวเองนะ

3. ประสบการณ์ -  การจดทะเบียนบริษัทเป็นเหมือนปราการด่านแรกในการทำธุกิจ ที่คนทำธุรกิจทั้งหลายจะต้อง
                        เจอนั่นก็คือการติดต่อกับราชการ กรมพัฒนาธุรกิจการค้าถือว่าเป็นองค์กรราชการที่พูดคุย
                        ได้ค่อนข้างง่าย และมีการให้บริการที่ดีองค์กรหนึ่ง ดังนั้นหากคนที่เริ่มทำธุรกิจได้มาเจอปราการ
                        ด่านนี้ด้วยตัวเอง ก็ย่อมเป็นก้าวแรกที่ดีสำหรับก้าวที่ใหญ่ขึ้นต่อไป

4. ความรู้เกี่ยวกับบริษัท - เนื่องจากในขั้นตอนการจดทะเบียนบริษัท จะต้องมีการกรอกข้อมูลต่างๆ เช่น ผู้ก่อการ
                                 ผู้ถือหุ้น กรรมการ ฯลฯ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเรื่อง ที่ผู้ประกอบธุรกิจทุกคนควรจะมีความรู้
                                 ความเข้าใจ เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับผู้ประกอบการโดยตรง

ไม่ใช่ว่าจะมีข้อดีอย่างเดียว ข้อเสียของการจดทะเบียนด้วยตัวเองที่สำคัญเลยก็คือ "เสียเวลา" เวลาที่เสียไปนี้ส่วนหนึ่งคือการต้องกรอกข้อมูลมากมายด้วยตนเอง เสียเวลาต้องไปยื่นเอกสาร และหากไม่มีประสบการณ์และไม่มีการ
เตรียมการที่ดีแล้ว บางคนต้องเสียเวลาหลายวันทีเดียวกว่าจะจดบริษัทได้

การเตรียมการที่ดีย่อมทำให้สามารถประหยัดเวลาได้มาก จึงอยากให้ทุกคนศึกษาข้อมูลให้ละเอียด เตรียมการให้พร้อม บางทีเตรียมดีๆ จดทะเบียนเสร็จภายในวันเดียวยังทำ(ด้วยตัวเอง)ได้เลย

สรุปขั้นตอนของการจดทะเบียนด้วยตัวเอง จากประสบการณ์ตรงในการจดทะเบียนบริษัท
    1. จองชื่อบริษัทออนไลน์
             - อนุมัติภายใน 30 นาที
    2. ยื่นตรวจเอกสารจดทะเบียนนิติบุคคลออนไลน์
             - หากกรอกข้อมูลครบถ้วน นายทะเบียนตรวจสอบใน 1 วัน แต่ถ้าข้อมูลไม่ครบ นายทะเบียนส่งข้อความ
               กลับมาว่าต้องการข้อมูลอะไรเพิ่ม ถ้าเราตอบกลับไปครบก็รอตรวจสอบเพิ่มอีก 1 วัน
    3. ทำตรายาง
             - ทำด่วนภายในชั่วโมงครึ่ง
    4. เตรียมเอกสาร
             - พิมพ์เอกสารที่นายทะเบียนตรวจสอบแล้ว และเตรียมเอกสารอื่นเพิ่มเติม
    5. ยื่นเอกสารและ ชำระค่าธรรมเนียมที่สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้า
             - ใช้เวลาชั่วโมงครึ่ง ถ้าไม่ต้องรอคิว (บางคนต้องรอคิวยาว ทำให้ต้องใช้เวลานานกว่านี้)

จะเห็นได้ว่าขั้นตอนที่ใช้เวลานานที่สุดก็คือ การยื่นตรวจเอกสารจดทะเบียนนิติบุคคลออนไลน์ โดยขั้นตอนนี้หากไม่มีประสบการณ์หรือไม่มีความรู้เกี่ยวกับบริษัทจำกัดแล้ว ก็ต้องใช้เวลาศึกษาพอสมควรเลยทีเดียว

จองชื่อบริษัทออนไลน์

ขั้นตอนนี้ไม่ยาก เพียงแค่ตรวจสอบให้ดีว่าชื่อที่ต้องการจดทะเบียนนั้นไม่ซ้ำหรือผิดระเบียบ แล้วกรอกข้อมูลให้ครบ รอประมาณ 30 นาที ถ้านายทะเบียนอนุมัติแล้วก็ไปทำขั้นตอนต่อไปได้เลย

เคยรีวิวการจองชื่อบริษัทออนไลน์เอาไว้แล้ว ดูได้ที่ รีวิวจองชื่อบริษัทออนไลน

ยื่นตรวจเอกสารจดทะเบียนนิติบุคคลออนไลน์

    1. ทุนจดทะเบียน - เคยเขียนบทความเกี่ยวกับจำนวนทุนจดทะเบียนและค่าธรรมเนียมไว้
    2. ข้อมูลผู้ถือหุ้น - อย่างน้อย 3 คนต้องรวมผู้ก่อการด้วย
    3. ข้อมูลกรรมการบริษัท - อย่างน้อยหนึ่งคน
    4. ที่ตั้งสำนักงานใหญ่
    5. ข้อมูลผู้เริ่มก่อการ - อย่างน้อย 3 คน
    6. ข้อมูลพยาน - 2 คน
    7. ข้อมูลผู้สอบบัญชี - ระบุชื่อและเลขทะเบียนผู้สอบบัญชีของบริษัท
    8. กำหนดอำนาจกรรมการบริษัท - โดยทั่วไปจะใช้เป็นกรรมการหนึ่งคนลงลายมือชื่อและประทับตรา
        บริษัท อย่างไรก็ตามสามารถกำหนดแค่กรรมการหนึ่งคนลงลายมือชื่อก็ได้ แต่อาจมีปัญหาต้องอธิบายให้คน
        อื่นฟังในภายหลังเนื่องจากหลายๆที่ไม่ทราบว่าสามารถกำหนดอำนาจกรรมการอย่างนี้ก็ได้
    9. วัตถุประสงค์ที่กำหนดเอง - ระบุประเภทของธุรกิจ

ข้อควรระวัง!! เวบไซต์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้ารองรับแค่ IE 7 หรือ 8 เท่านั้น ถ้าใช้ browser อื่นหรือรุ่นสูงกว่านี้จะมีปัญหาในการกรอกข้อมูล โดยปัญหาที่พบก็คือ เมื่อกรอกข้อมูลไปเกือบครบทุกหน้าแล้ว เมื่อย้อนกลับไปดูพบว่าข้อมูลที่เคยกรอกไว้แล้วได้หายไป วิธีแก้ก็คือให้ใช้ IE รุ่นที่เวบไซต์รองรับ

ทำตรายาง

ระหว่างรอให้นายทะเบียนตรวจสอบเอกสารจดทะเบียนนิติบุคคลออนไลน์ เพื่อให้ไม่เป็นการเสียเวลา สามารถสั่งให้ร้านทำตรายางทำให้ได้เลย ถ้าเลือกทำด่วนก็ใช้เวลาไม่เกินสองชั่วโมง แล้วพอนายทะเบียนตรวจสอบเอกสารเสร็จก็สามารถยื่นเอกสารภายในวันถัดไปได้เลยเนื่องจากตรายางทำเสร็จแล้วนั่นเอง

อ่านข้อควรระวังเกี่ยวกับการทำตรายางได้ที่นี้เลย ตราสำคัญบริษัท

เตรียมเอกสาร

เมื่อนายทะเบียนตรวจสอบเอกสารเสร็จ ให้พิมพ์เอกสารออกมา ทั้งนี้ให้ตรวจทานเอกสารให้ดีว่าพิมพ์ครบทุกหน้า

หรือเปล่า ถ้าตรวจทานเรียบร้อยแล้วให้เซ็นเอกสารตามที่กำหนดไว้ในแต่ละหน้าได้เลย ทั้งนี้มีเอกสารทีต้องเตรียมเพิ่มอีกดังนี้
1. แบบจองชื่อนิติบุคคล
2. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้
    เริ่มก่อการและกรรมการทุกคน
3. หลักฐานการชำระค่าหุ้น - ดูตัวอย่าง
4. แผนที่แสดงที่ตั้งสำนักงานใหญ่



ข้อควรระวัง!! ขั้นตอนนี้สำคัญมากเพราะหากเตรียมเอกสารไม่ครบถ้วน เมื่อไปยื่นแล้วนายทะเบียนจะไม่รับยื่น ทำให้ต้องเสียเวลากลับมาเตรียมเอกสารเพิ่มและอาจทำให้ที่วางแผนไว้ล่าช้าได้

ยื่นเอกสารและ ชำระค่าธรรมเนียมที่สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้า

ดูสำนักงานของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าและสาขาได้ที่นี่ ติดต่อกรม

ตอนยื่นไปยื่นที่สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าเขต 4 (สุรวงศ์) เลยจะขอเขียนรีวิวการยื่นที่สาขานี้

    1. สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าเขต 4 (สุรวงศ์) ตั้งอยู่ที่ ชั้น G อาคารวรวิทย์
        หากใครตาม google map ไปให้ระวังเนื่องจากหมุดที่ปักไว้ปักไว้ผิดที่ ถ้าขับจากถนนนราธิวาส เลี้ยวซ้าย
        เข้าถนนสุรวงศ์ ให้ตรงไปก่อนผ่านหนึ่งสี่แยก ตรงไปผ่านสามแยกตรงซอยนเรศ แล้วให้ชิดขวาไว้ตึกจะอยู่
        ด้านขวามือ ตึกนี้จอดรถได้ฟรี 1 ชั่วโมงกรณีมีประทับตรา โดยถ้าเกินจากชั่วโมงแรกคิดชั่วโมงละ 30 บาท

    2. เปิดตั้งแต่เวลา 8.30 - 12.00 น. และ 13.00 - 16.30 น.
        ควรเผื่อเวลาซักสองชั่วโมงก่อนเวลาพักเที่ยงหรือเวลาปิดตอนเย็น เพราะถ้าไปถึงใกล้ๆเวลาปิด อาจถูกปฏิเสธ
        ไม่ให้ยื่นได้เนื่องจากเวลาไม่พอ ทำให้ต้องมาพรุ่งนี้อีกวัน

    3. เมื่อไปถึงให้มองหาโต๊ะที่เขียนว่า "ติดต่อสอบถาม" ติดต่อเค้าว่าเราจะมาจดทะเบียนบริษัท เค้าก็จะบอกว่าให้
        วางเอกสารไว้ที่กล่องวางเอกสารแล้วให้นั่งรอเรียกชื่อ (ให้ซื้ออากรแสตมป์ที่นี่ได้เลย ติดอากรแล้วค่อยวาง
        เอกสาร)

    4. ขั้นตอนแรกจะมีคนตรวจเอกสารที่เรายื่นในเบื้องต้นก่อนที่จะส่งให้นายทะเบียน หากเอกสารไม่ครบหรือว่ามีที่
        ไหนต้องแก้ไข ก็จะส่งกลับมาให้แก้ไขก่อน โดยหากเอกสารครบเรียบร้อยเจ้าหน้าที่ก็จะกดบัตรคิวให้ เพื่อรอ
        เรียกคิวยื่นเอกสารกับนายทะเบียน

    5. เมื่อนายทะเบียนเรียกคิว ก็ให้ยื่นเอกสารให้นายทะเบียน เมื่อนายทะเบียนตรวจเอกสารเรียบร้อยก็จะส่งชุดจ่าย
        เงินเพื่อให้เราไปจ่ายเงินที่ช่องชำระค่าธรรมเนียม

    6. จ่ายเงินชำระค่าธรรมเนียม แล้วให้ไปนั่งรอเรียกชื่อ - รอประมาณครึ่งชั่วโมง

    7. นายทะเบียนเรียกขอดูใบเสร็จชำระเงิน ถ้าตรวจเรียบร้อย เราก็จะได้ "ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียน" ก็เป็น  
        อันจบขั้นตอนการจดทะเบียนบริษัท

หากเอกสารเรียบร้อยก็จะใช้เวลาโดยประมาณเพียง ชั่วโมงครึ่งถึงสองชั่วโมงเท่านั้น ทั้งนี้ในบางวันอาจมีผู้ไปขอจดทะเบียนเป็นจำนวนมาก คิวอาจจะยาวทำให้ต้องใช้เวลามากกว่านี้ก็ได้

ปัญหาที่มักจะเกิดขึ้น
    1. พิมพ์เอกสารไม่ครบ ทั้งนี้หากเอกสารไม่ได้ต้องมีลายเซ็นของผู้ถือหุ้นหรือกรรมการคนอื่นที่ไม่ได้ไปด้วย
        ก็สามารถไปหาร้านพิมพ์เอกสารใกล้ๆ เพื่อขอพิมพ์เอกสารได้

    2. เอกสารที่พิมพ์มาอาจตกหล่นทำให้ช่องที่นายทะเบียนต้องเซ็นตกไปอยู่อีกหน้าหนึ่ง ให้เช็คให้ดีๆ เพราะ
        อาจถูกปฏิเสธจากนายทะเบียน แล้วให้ไปพิมพ์มาใหม่

    3. ตรายาง ให้ตรวจสอบให้ดีๆว่า ชื่อภาษาไทย และภาษาอังกฤษ ถูกต้องครบถ้วนตามที่ยื่นขอจดทะเบียนไป

หากใครได้ลองไปยื่นแล้ว และเจอปัญหาอะไรก็สามารถแชร์กันได้ จะได้เป็นข้อมูลสำหรับคนอื่นให้ระวังจะได้ไม่ต้องเสียเวลา

ยื่นจดทะเบียนบริษัทแล้ว อย่าลืมหาผู้ทำบัญชีและผู้ตรวจสอบบัญชีด้วย สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมและติดต่อผู้สอบบัญชีได้ที่ worldthaiaudit - รับบริการ ทำบัญชีและตรวจสอบบัญชี บริการด้วยใจ รวดเร็ว มีคุณภาพ         

การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ตอน2 ขั้นตอนการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม)

1 Comment »

จากครั้งที่แล้วที่แนะนำขั้นตอนในการพิจารณาว่ากิจการใดต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไปแล้วนั้น คราวนี้เราจะมาดูกันว่าหากจำเป็นต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มหรือหากต้องการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มนั้น จะต้องทำยังไงบ้าง

การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มนั้นสามารถทำได้ 2 ทาง
1. ยื่นแบบคำขอผ่านอินเตอร์เน็ตที่ http://vsreg.rd.go.th/
2. ยื่นแบบคำขอด้วยกระดาษ ณ หน่วยจดทะเบียนที่ตั้งสถานประกอบการ

การยื่นแบบคำขอผ่านอินเตอร์เน็ต

แบบที่ต้องใช้ในการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มมีอะไรบ้าง?

วิธีการและแบบที่ต้องยื่นคำขอจะแตกต่างไปแล้วแต่ว่าเป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือเป็นผู้ที่ได้รับยกเว้นแต่ประมวลอนุญาตให้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มได้

ผู้มีสิทธิยื่นคำขอจดทะเบียน
1. ผู้ประกอบการที่มีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มได้แก่
    1.1 ผู้ประกอบการซึ่งประกอบกิจการขายสินค้าหรือให้บริการที่มีรายรับเกิน 1,800,000 บาทต่อปี
    1.2 ผู้ประกอบการซึ่งมีแผนงานที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าได้เตรียมการเพื่อประกอบกิจการขายสินค้าหรือให้บริการ
          ที่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม อันเป็นเหตุให้ต้องมีการซื้อสินค้าหรือรับบริการที่อยู่ในบังคับต้องเสีย
          ภาษีมูลค่าเพิ่ม เช่น ก่อสร้างโรงงาน ติดตั้งเครื่องจักร
    
    แบบที่ใช้ แบบ ภพ.01 คำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามประมวลรัษฎากร
                  โดยต้อง 1. ระบุวันที่ประสงค์จะเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในคำขอ
                               2. ยื่นคำขอก่อนวันที่ประสงค์จะเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 15 วัน
                                   แต่ไม่เกิน 30 วัน นับตั้งแต่วันถัดจากวันที่ยื่นคำ
2. ผู้ประกอบการที่ได้รับการยกเว้น ภาษีมูลค่าเพิ่มตามที่กำหนดในมาตรา 81/3 แห่งประมวลรัษฎากร และปรเสงค์
    ขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มได้แก่
    2.1 ผู้ประกอบการขายสินค้าตามมาตรา 81(1) (ก) ถึง (ฉ)
    2.2 ผู้ประกอบการที่มีรายรับไม่เกิน 1,800,000 บาทต่อปี

    แบบที่ใช้ (1) แบบ ภพ.01.1 คำขอแจ้งใช้สิทธิ์เพื่อขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามประมวลรัษฎากร
                  (2) แบบ ภพ.01 คำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามประมวลรัษฎากร
                        โดยสามารถยื่นแบบได้ในวันเดียวกันกับวันที่ยื่นแบบ ภพ.01.1 หรือยื่นภายใน 30 วัน
                        นับแต่วันที่ได้ยื่น ภพ. 01.1

ทั้งนี้สามารถยื่นคำขอจดทะเบียนทางอินเตอร์เน็ตได้ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง โดยในการยื่นแบบนั้นจะต้องมีเลขประจำตัวผู้เสียอากรด้วย

การยื่นแบบคำขอด้วยกระดาษ ณ หน่วยจดทะเบียนที่ตั้งสถานประกอบการ

1. สถานที่ยื่นแบบ ให้ยื่น ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่

2. เอกสารที่ต้องใช้ สามารถดูได้ตามข้างล่างนี้เลย


 
(Credit: www.rd.go.th)
 
โดยสรุปนั้น ขั้นตอนในการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มนั้นไม่ยากเลย แต่ค่อนข้างจะยุ่งยากที่การเตรียมเอกสารและสถานที่ประกอบการมากกว่าในเรื่องการจะพิจารณาว่าจะต้องยื่นที่สรรพากรท้องที่ใด
 
หากต้องการทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มสามารถทำด้วยตัวเองก็ได้ หรือหากต้องการคำปรึกษา สามารถติดต่อผู้สอบบัญชีได้ที่ www.worldthaiaudit.com 


การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ตอน1 กิจการใดบ้างต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม)

No Comments »

ภาษีมูลค่าเพิ่มคืออะไร?
 
ภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นภาษีทางอ้อมที่จัดเก็บบนพื้นฐานของการบริโภค ผู้ที่ต้องรับภาระภาษีมูลค่าเพิ่มที่แท้จริงคือ
ผู้บริโภคที่เกิดจากการซื้อสินค้าหรือการรับบริการ

 
ใครบ้างต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ?
 
กฎหมายกำหนดให้ผู้ประกอบการซึ่งขายสินค้าหรือให้บริการในทางธุรกิจหรือวิชาชีพไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิต ผู้ให้บริการ ผู้ขายส่ง ผู้ขาย-ปลีก ผู้นำเข้า ผู้ส่งออก ฯลฯ และไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดา คณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล หรือนิติบุคคล (ไม่จำกัดเฉพาะนิติบุคคลที่เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเท่านั้น) หากผู้ประกอบการมีรายรับหรือมูลค่าของฐานภาษีเกิน 1,800,000 บาทต่อปี ผู้ประกอบการดังกล่าวมีหน้าที่ต้องยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
 
แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการซึ่งขายสินค้าหรือให้บริการในทางธุรกิจหรือวิชาชีพ อาจจะได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มและไม่อยู่ในบังคับต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มก็ได้ หากเป็นผู้ประกอบการที่ได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มดังต่อไปนี้ (ดูรายละเอียดกิจการที่ได้รับยกเว้นได้ที่ >> http://www.rd.go.th/publish/7052.0.html)

1. ผู้ประกอบการที่ประกอบกิจการขายสินค้าทางการเกษตรหรือสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับการเกษตร หรือให้บริการบางประเภท ซึ่งได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม เช่น การขายพืชผลทาง การเกษตร การขายสัตว์ การขายปุ๋ย การขายปลาป่น อาหารสัตว์ การขายยาหรือเคมีภัณฑ์ ที่ใช้สำหรับพืชหรือสัตว์ การให้บริการทางการศึกษาของสถานศึกษา การให้บริการประกอบโรคศิลปะ การสอบบัญชี การว่าความ การให้บริการตามสัญญาจ้างแรงงาน การให้บริการขนส่งใน ราชอาณาจักร เป็นต้น ซึ่งมีเหตุผลในการยกเว้นก็เพื่อเป็นการส่งเสริม สนับสนุนกิจการขายสินค้าและให้บริการดังกล่าว ซึ่งมีผลเป็นการบรรเทาภาระในการต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การเสียภาษีมูลค่าเพิ่มต่างๆ ลง และอีกเหตุผลหนึ่ง ก็คือ การประกอบกิจการขายสินค้าหรือให้บริการ ดังกล่าวมีความยุ่งยากในการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม

2. ผู้ประกอบการที่ประกอบกิจการขายสินค้าหรือให้บริการ โดยกิจการนั้นเป็นกิจการขนาดย่อม คือกิจการที่มีรายรับหรือมูลค่าของฐานภาษีไม่เกิน 1,800,000 บาทต่อปี เพื่อเป็น การบรรเทาภาระในการต้องปฏิบัติในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม รวมทั้งรายจ่ายต่างๆ ที่ต้องปฏิบัติในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม เช่น ภาระในการต้องจัดทำใบกำกับภาษีมูลค่าเพิ่ม รายงานภาษีต่างๆ เป็นต้น

หากเป็นกิจการที่ได้รับยกเว้นแล้ว แต่ต้องการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม จะทำได้หรือไม่? 

ผู้ประกอบการที่ได้รับยกเว้นภาษี มูลค่าเพิ่มบางประเภท แม้จะไม่มีหน้าที่ต้อง จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มก็ตาม แต่หากต้องการที่จะใช้ประโยชน์จากการเข้าสู่ระบบการเป็น ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ผู้ประกอบการดังกล่าวก็อาจจะเลือกเข้ามาจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม เพื่อเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนได้ โดยดำเนินการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 81/3 ผู้ประกอบการที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มดังกล่าว ได้แก่

1. ผู้ประกอบการที่ประกอบกิจการขายสินค้าหรือให้บริการตามมาตรา 81(1)(ก) ถึง (ฉ) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่ง
    ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม
2. ผู้ประกอบการที่ประกอบกิจการขายสินค้าหรือให้บริการ โดยกิจการนั้นเป็นกิจการขนาดย่อมตามมาตรา 81/1
    แห่งประมวล- รัษฎากร ซึ่งก็คือ กิจการที่มีรายรับหรือมูลค่าของฐานภาษีไม่เกิน 1,800,000 บาทต่อปี
3. ผู้ประกอบการที่ประกอบอื่นตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา ซึ่งได้แก่
       (ก) ผู้ประกอบการให้บริการขนส่งในราชอาณาจักรโดยอากาศยาน4
       (ข) การส่งออกของผู้ประกอบการในเขตอุตสาหกรรมส่งออกตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่ง
             ประเทศไทย
       (ค) การให้บริการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงทางท่อในราชอาณาจักร6
 
(Credit: http://www.sanpakornsarn.com/)

ข้อควรระวัง!! บุคคลธรรมดาหากประกอบกิจการที่ไม่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม หากมีรายรับเกินกว่า 1,800,000 บาทต่อปี ก็ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเช่นกัน
 

สรุปได้ว่า ผู้มีหน้าที่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ก็คือ ใครก็ตามที่ประกอบกิจการทั้งการขายสินค้าและให้บริการในประเทศไทย หรือผู้นำเข้า ที่มีรายรับหรือฐานภาษีเกิน 1,800,000 บาทต่อปี โดยหากเป็นกิจการที่ได้รับยกเว้น ก็ไม่ต้องจดทะเบียน ทั้งนี้สำหรับกิจการที่ได้รับยกเว้นบางประเภทที่กำหนดไว้อาจเลือกที่จะขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มก็ได้ หากต้องการใช้ประโยชน์จากเครดิตภาษีซื้อ

>>> ต้องการคำปรึกษา ติดต่อผู้สอบบัญชีเพื่อขอคำปรึกษาได้ที่ www.worldthaiaudit.com <<<

การจดทะเบียนบริษัท จำกัด (ตอน 4 ตราสำคัญบริษัท)

1 Comment »

จำเป็นต้องมีตราสำคัญบริษัทหรือไม่?

ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ไม่ได้บังคับให้ ห้างหุ้นส่วนจำกัด และบริษัทจำกัด จะต้องจดทะเบียนตราสำคัญบริษัทจำกัด ดังนั้นจะขอจดทะเบียนตราสำคัญหรือไม่ก็ได้ (มีหรือไม่มีก็ได้)  เว้นแต่จะระบุไว้ในอำนาจกรรมการว่าต้องประทับตราสำคัญบริษัทไว้ตอนขอจดทะเบียน

ตัวอย่างเช่น หากในขั้นตอนจดทะเบียน ระบุว่ากรรมการผู้มีอำนาจลงนาม 2 คน ลงนามร่วมกัน โดยไม่มีตราประทับบริษัท ก็ไม่จำเป็นต้องทำตราสำคัญบริษัทก็ได้ แต่ถ้าระบุว่ากรรมการลงนามพร้อมประทับตราบริษัท เช่นนี้แล้วก็จำเป็นจะต้องขอจดทะเบียนตราสำคัญบริษัท


หลักเกณฑ์การจัดทำตราของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท

ตราของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทต้องไม่มีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้
1)  เครื่องหมายตรามหาจักรีบรมราชวงศ์
2)  พระบรมราชาภิไธย พระปรมาภิไธยย่อของพระมหากษัตริย์ทุกรัชกาล และพระนามาภิไธยย่อของสมเด็จพระ
     อัครมเหสีหรือสมเด็จพระยุพราช
3)  พระบรมราชสัญลักษณ์และพระราชสัญลักษณ์ของพระมหากษัตริย์สมเด็จพระอัครมเหสี และสมเด็จพระ
     ยุพราช
4)  พระมหามงกุฎ มงกุฎขัตติยราชนารีหรือเครื่องราชอิสริยาภรณ์อื่นใดที่ใกล้เคียงกับมงกุฎ
5)  ฉัตรต่าง ๆ อันเป็นลักษณะของเครื่องประกอบพระบรมราชอิสริยยศ
6)  ตราแผ่นดิน ตราราชการ ตราครุฑพ่าห์ธงหลวง ธงชาติหรือธงราชการ เว้นแต่จะได้รับพระราชทานพระบรมรา
     ชานุญาต
7)  พระราชลัญจกร และลัญจกรในราชการ
8)  เครื่องหมายกาชาด ชื่อกาชาด กาเจนีวา เครื่องหมายราชการ หรือเครื่องหมายใด ๆที่ขัดต่อรัฐประศาสโนบาย 
     หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
9)  เครื่องหมายที่ราชการ องค์การ หน่วยงานของรัฐหรือองค์การระหว่างประเทศขอสงวนไว้
10) สัญลักษณ์ประจ าชาติไทย ได้แก่ ช้างไทย ดอกราชพฤกษ์และ ศาลาไทย

โดยสรุปสำคัญก็คือ ตราสำคัญบริษัทจะมีชื่อบริษัทแสดงไว้หรือไม่มีก็ได้ อาจจะเป็นรูปภาพหรือสัญลักษณ์ที่ไม่ตรงตามข้อต้องห้ามตามระเบียบที่ระบุไว้ด้านบนอย่างเดียวก็ใช้ได้ หรือหากจะให้มีชื่อบริษัทปรากฏในตราสำคัญบริษัท จะใช้ภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษอย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองอย่างก็ได้ แต่ชื่อนั้นต้องให้ตรงกับชื่อที่ขอจองไว้ในใบจองชื่อ หากใช้ภาษาไทยในตราประทับ จะต้องแสดงสถานะเช่น  บริษัท เอเอเอ จำกัด และหากต้องการแสดงชื่อภาษาอังกฤษ ก็จะต้องมีคำว่า  AAA Co.,Ltd. หรือ Company Limited เป็นต้น

โลโก้ บริษัท กับตรานิติบุคคล คืออย่างเดียวกันหรือไม่?

โลโก้บริษัท กับตรานิติบุคคลเป็นคนละอย่างกัน ดังนั้นสามารถมีรูปแบบที่แตกต่างกันได้หรือเหมือนกันก็ได้

Credit: www.worldthaiaudit.com

การจดทะเบียนบริษัท จำกัด (ตอน 3 ข้อมูลที่ต้องใช้ในการจัดตั้งบริษัท)

No Comments »

3. ข้อมูลที่ต้องใช้ในการจัดตั้งบริษัทจำกัด

    1.   ชื่อของบริษัท (ตามที่ได้จองชื่อไว้) *ดูรีวิวการจองชื่อบริษัท
    2.   ที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่/ สาขา (ตั้งอยู่ ณ จังหวัดใด) พร้อมเลขรหัสประจำบ้านของที่ตั้งสำนักงาน,     
          E-mail และหมายเลขโทรศัพท์ของบริษัทหรือกรรมการ
    3.   วัตถุที่ประสงค์ของบริษัทที่จะประกอบกิจการค้า
    4.   ทุนจดทะเบียน จะต้องแบ่งเป็นหุ้นๆ มีมูลค่าหุ้นเท่าๆ กัน (มูลค่าหุ้นจะต้องไม่ต่ำกว่า 5 บาท) *ทุนจดทะเบียน
    5.   ชื่อ ที่อยู่ อาชีพ และจำนวนหุ้นที่ผู้เริ่มก่อการจองซื้อไว้ *ดูผู้เกี่ยวข้อง
    6.   ชื่อ ที่อยู่ อายุ สัญชาติ ของพยาน 2 คน *ดูผู้เกี่ยวข้อง
    7.   อากรแสตมป์ 200 บาท

(picture from mpm.ph)

    8.   ข้อบังคับ (ถ้ามี)
    9.   จำนวนทุน (ค่าหุ้น) ที่เรียกชำระแล้ว อย่างน้อยร้อยละ 25 ของทุนจดทะเบียน *ทุนจดทะเบียน
    10. ชื่อ ที่อยู่ อายุของกรรมการ *ดูผู้เกี่ยวข้อง
    11. รายชื่อหรือจำนวนกรรมการที่มีอำนาจลงชื่อแทนบริษัท (อำนาจกรรมการ)
    12. ชื่อ เลขทะเบียนผู้สอบบัญชีรับอนุญาตพร้อมค่าตอบแทน
    13. ชื่อ ที่อยู่ สัญชาติ แลจำนวนหุ้นของผู้ถือหุ้นแต่ละคน *ดูผู้เกี่ยวข้อง
    14. ตราสำคัญ
    15. ที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่/ สาขา

บริษัทจะไม่จดทะเบียนตราสำคัญของบริษัทก็ได้ หากว่ากรรมการไม่ได้กำหนดให้ต้องประทับตราสำคัญด้วย

Credit: www.dbd.go.th

การจดทะเบียนบริษัท จำกัด (ตอน 2 ผู้ก่อการ ผู้ถือหุ้น กรรมการ พยาน)

No Comments »

เรื่องสำคัญทื่ต้องทราบในการจดทะเบียนบริษัทจำกัด
2. ผู้ก่อการ ผู้ถือหุ้น กรรมการ พยาน

(picture from smallbusiness.com)   


    ในการจดทะเบียนบริษัทนั้น จะมีผู้เกี่ยวข้องที่ผู้ที่ต้องการจดทะเบียนบริษัทควรรู้จักไว้ ดังนี้

    1. ผู้ก่อการ
       
        ในการจัดตั้งบริษัทนั้นจะต้องมีผู้ก่อการอย่างน้อย 3 คน โดยแต่ละคนจะต้องถือหุ้นอย่างน้อยหนึ่งหุ้น

 
    2. ผู้ถือหุ้น
 
        ผู้ที่มาซื้อหุ้นนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เริ่มก่อการเสมอไป แต่อาจเป็นบุคคลอื่นที่สนใจอยากเข้าร่วมธุรกิจดัง
        กล่าวก็ได้ 

 
    3. กรรมการบริษัท
 
        กรรมการบริษัทจะมีมากน้อยเท่าใดก็ได้ และจะได้บำเน็จเท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับมติในที่ประชุมใหญ่
 
    4. พยาน

        ในการจัดตั้้งบริษัทจำกัดนั้น จะต้องมีพยานอย่างน้อย 2 คน

>>> ต้องการคำปรึกษา ติดต่อผู้สอบบัญชีเพื่อขอคำปรึกษาได้ที่ www.worldthaiaudit.com <<<
 

การจดทะเบียนบริษัท จำกัด (ตอน 1 ทุนจดทะเบียน)

No Comments »

เรื่องสำคัญทื่ต้องทราบในการจดทะเบียนบริษัทจำกัด

1. ทุนจดทะเบียน
   
    ทุนจดทะเบียนคืออะไร?

   
    เงินทุนจดทะเบียนบริษัท คือ เงินที่ผู้เริ่มก่อการ (ประชุมตกลงหลังจดบริคณห์สนธิ) ว่าจะใช้เป็นเงินในการดำเนิน
    งานของบริษัท
   
    ทุนจดทะเบียนต้องจดเยอะหรือน้อยอย่างไร?
   
    ตามกฎหมายกำหนดไว้ว่า ในการจดทะเบียนบริษัทจำกัดนั้น ต้องมีผู้ก่อการไม่น้อยกว่า 3 คน และกำหนดไว้ว่า
    แต่ละหุ้นมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 5 บาท ดังนั้นพูดอีกอย่างก็คือ ทุนจดทะเบียนจะต้องไม่ต่ำกว่า 15 บาท ( 3 คน คนละ
    หนึ่งหุ้นที่หุ้นละ 5 บาท) นั่นเอง
   
    ทุนจดทะเบียนควรจดเท่าไหร่ดี?
  
    ในการพิจารณาว่าจะจดทะเบียนเท่าไหร่ดีนั้น พิจารณาได้ดังต่อไปนี้

    ก) ค่าใช้จ่ายในการจดทะเบียน  (Credit: http://dbd.go.th/ewt_news.php?nid=4981)
        

 
         จะเห็นได้ว่า ไม่ว่าทุนจดทะเบียนจะเป็นเท่าไหร่โดยไม่เกินหนึ่งล้านบาท ยังไงก็เสียค่าธรรมเนียมเท่ากันคือห้า
         พันบาท และหากทุนจดทะเบียนเกินหนึ่งล้านบาท เช่น หนึ่งล้านห้าพันบาท ก็จะเสียค่าธรรมเนียมเท่ากับห้า
         พันห้าร้อยบาท (เศษของ 100,000 บาทให้คิดเป็น 100,000 บาท)
 
         ดังนั้นสรุปได้ว่า ควรพิจารณาวางแผนในเรื่องค่าธรรมเนียมที่ต้องชำระด้วย
    ข) ประมาณการรายรับรายจ่ายของบริษัทหลังจากจดทะเบียนแล้ว
 
         หากบริษัททำธุรกิจที่ต้องใช้เงินลงทุนสูงเช่น ขายรถยนต์ ซึ่งโดยทั่วไปการซื้อรถยนต์หนึ่งคันยังไงก็มากกว่า
         สี่แสนบาทอยู่แล้ว หากบริษัทมีทุนจดทะเบียนน้อยเกินไป (เช่น 50,000 บาท) ก็จะทำให้ตัวบริษัทเองไม่มีเงิน
         ทุนหมุนเวียนในการทำธุรกิจ (ทั้งนี้มีวิธีแก้ก็คือ การกู้ยืมเงินมาทำธุรกิจ ซึ่งก็จะมีประเด็นเรื่องอื่นๆตามมา   
         เช่น การทำสัญญาเงินกู้ บัญชี และภาษีด้วย)

    ค) ความน่าเชื่อถือของบริษัท
 
         สำหรับบริษัทบางประเภทเช่น ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ในการที่จะรับงานต่างๆ ผู้ว่าจ้างมักจะพิจารณาถึงทุน
         จดทะเบียนของบริษัทรับเหมานั้น เพื่อดูว่าบริษัทนั้นมีความน่าเชื่อถือหรือไม่ โดนหากบริษัทมีทุนจดทะเบียน
         น้อยเกินไป ก็จะเป็นอุปสรรคต่อการรับงาน ตัวอย่างเช่น บริษัทรับเหมาก่อสร้างที่มีทุนจดทะเบียนหนึ่งแสน
         บาท คงจะเป็นเรื่องยากหากจะไปรับงานมูลค่าสิบล้านบาท เป็นต้น
 
    จำเป็นต้องชำระค่าหุ้นสำหรับเงินทุนจดทะเบียนทั้งหมดเลยหรือไม่?
      
    ไม่จำเป็น กฎหมายกำหนดไว้ว่าให้เรียนชำระค่าหุ้นขั้นต่ำ 25% ของทุนจดทะเบียน ในขณะจดทะเบียนจัดตั้ง
    บริษัทนั้น ดังนั้นในการชำระค่าหุ้นนั้น จะชำระเท่าไหร่ก็ได้แต่ไม่ต่ำกว่า 25% ของทุนจดทะเบียน ตัวอย่างเช่น
    ทุนจดทะเบียน หนึ่งล้านบาท จะต้องชำระค่าหุ้นขณะจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทอย่างน้อยสองแสนห้าหมื่นบาท
 
    **อย่างไรก็ตามสำหรับค่าหุ้นที่ยังไม่ได้รับชำระนั้น จัดเป็นลูกหนี้ค่าหุ้น ซึ่งต้องมีการคิดดอกเบี้ยด้วยในทางภาษี
 
สรุปได้ว่าประเด็นที่สำคัญประเด็นหนึ่งในการจดทะเบียนบริษัทนั้น ก็คือ จำนวนทุนจดทะเบียนและการชำระค่าหุ้นสำหรับทุนจดทะเบียนนั่นเอง
 
>>> ต้องการคำปรึกษา ติดต่อผู้สอบบัญชีเพื่อขอคำปรึกษาได้ที่ www.worldthaiaudit.com <<<


รีวิวการจองชื่อบริษัท

2 Comments »

สิบขั้นตอนในการจองชื่อบริษัท

1. เข้าเวบไซต์ www.dbd.go.th
2. จากหน้าเวบไซต์ ในหมวดบริการออนไลน์ ให้คลิกเลือก "จองชื่อ/จดทะเบียนนิติบุคคล"
    


3. จากนั้นจะ direct ไปที่หน้าที่ให้ log-in เข้าสู่ระบบสมาชิก หากยังไม่ได้เป็นสมาชิกให้สมัครสมาชิกในขั้นตอนนี้
4. log-in เข้าสู่ระบบสมาชิก
5. คลิกเลือก tab "จองชื่อห้างหุ้นส่วน/บริษัทจำกัด"


6. ระบบจะขึ้นหน้าแสดง "เงื่อนไขการจองและขอใช้ชื่อนิติบุคคล" โดยในขั้นตอนนี้ให้อ่านและกดยอมรับเงื่อนไข
7. ระบบจะแสดงหน้า "การค้นหาชื่อนิติบุคคล" ให้ผู้จองตรวจสอบชื่อที่ต้องการจดด้วยตนเอง

8. หากตรวจสอบแล้ว โดยพบว่าชื่อที่จดนั้นไม่เหมือนหรือมีเสียงเรียกขานตรงกัน หรือคล้ายคลึงกับชื่อที่ได้จองหรือได้จดทะเบียนไว้ก่อนแล้ว ก็ให้กด "จองชื่อหรือตรวจสอบคำร้อง" เพื่อเข้าสู่หน้าที่ให้กรอกข้อมูลคำร้อง

 

9. ให้กรอกข้อมูลให้ครบถ้วน รวมทั้ง ชื่อนิติบุคคลภาษาไทย และ ชื่อภาษาต่างประเทศเป็นภาษาอังกฤษ แล้วกด "ตกลง"


10. ระบบจะส่งคำร้องให้นายทะเบียนเพื่อตรวจสอบต่อไป ทั้งนี้โดยทั่วไปจะใช้เวลาไม่เกิน 3 วันทำการ และชื่อที่ได้รับจองแล้ว (ขึ้นว่า "รับจองชื่อ") จะต้องยื่นจดทะเบียนภายใน 30 วันนับแต่วันที่จองชื่อ

ทั้งนี้ในการจองชื่อบริษัท ให้ผู้เป็นหุ้นส่วน ผู้เริ่มก่อการ หรือกรรมการ เป็นผู้จองชื่อ
อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับการจองชื่อได้ที่ http://eregist.dbd.go.th/InterRsv2/CompanyGuide.htm

จากสิบขั้นตอนข้างต้น จะพบว่าการจองชื่อบริษัทนั้นไม่ยุ่งยากเลย และปรกติแล้ว ชื่อที่จองหากไม่ได้มีปัญหาอะไร อาจขึ้นว่า "รับจองชื่อ" จากนายทะเบียน ภายใน 30 นาทีหลังจากกรอกข้อมูลครบด้วยซ้ำ

ขั้นตอนในการจดทะเบียนบริษัท ออนไลน์

No Comments »




ขั้นตอนในการจดทะเบียนบริษัท
1. จองชื่อบริษัท
2. รอการอนุมัติจากนายทะเบียน
3. กรอกแบบฟอร์มจดทะเบียนบริษัท
4. ทำตรายางบริษัท
5. รอการตรวจสอบจากนายทะเบียน
6. ชำระค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนบริษัท

อย่างไรก็ตามหลังจากจดทะเบียนบริษัทเรียบร้อยแล้ว ยังมีความรับผิดชอบต่างๆ ที่นิติบุคคลนั้นๆจะต้องปฏิบัติตามอีก เช่น การนำส่งงบการเงินที่ได้รับการตรวจสอบแล้วกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า การยื่นภาษีเงินได้ เป็นต้น ดังนั้้นก่อนที่จะจดทะเบียนบริษัท ก็ควรจะคำนึงถึงความรับผิดชอบต่างๆที่เกิดขึ้นและวางแผนในการจัดการเพื่อให้เป็นไปตามระเบียบของ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และกรมสรรพากรด้วย มิเช่นนั้น หากไม่ปฏิบัติตามระเบียบแล้ว ย่อมอาจจะโดนเรียกปรับเป็นจำนวนเงินมากๆได้

ในครั้งหน้าจะมาเขียนรีวิวการจองชื่อบริษัทออนไลน์

Credit: www.worldthaiaudit.com

สิ่งที่ควรรู้ในการจัดตั้ง บริษัท จำกัด

No Comments »








บริษัทจำกัด คืออะไร?

บริษัทจำกัดเป็นรูปแบบการจัดตั้งธุรกิจอย่างหนึ่งในสังคมเศรษฐกิจอันมีการพัฒนาแนวคิดและทฤษฏีที่ได้รับการต่อยอดมาจากรูปแบบธุรกิจที่มีเจ้าของแต่เพียงผู้เดียวในอดีต โดยบริษัทจำกัดจะมีรูปแบบการก่อตั้งในลักษณะที่เป็นนิติบุคคล หมายถึง การรวมตัวกันของกลุ่มบุคคลเพื่อดำเนินการสิ่งหนึ่งสิ่งใดโดยมีการสมมติตัวตนขึ้นโดยมีกฎหมายเป็นผู้รับรองการมีตัวตนอยู่จริง

บริษัทจำกัดจะต้องมีการจดทะเบียนตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์โดยต้องมีผู้ร่วมลงทุนอย่างน้อยที่สุด 3 คน แบ่งทุนออกเป็นหุ้นๆและมีมูลค่าหุ้นแต่ละตัวเท่ากันทั้งหมด โดยผู้ถือหุ้นจะมีส่วนรับผิดชอบตามจำนวนของหุ้นที่ตนเองถือเท่านั้น จึงเป็นที่มาของคำว่าบริษัทจำกัดนั้นเอง

                                                                                         (Credit: INCequity)
 
เรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับการตั้งบริษัทจำกัด มีอะไรบ้าง?
 
1. การจดทะเบียนตั้งบริษัทจำกัด
2. การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
3. การหักภาษี ณ ที่จ่าย
4. การยื่นรายงานภาษีกับกรมสรรพากร
5. การจัดทำบัญชี
6. การยื่นงบการเงินกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
 
เพื่อให้เพื่อนๆที่อยากจดทะเบียนตั้งบริษัทจำกัด ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนเพื่อประกอบการตัดสินใจจัดตั้งบริษัทจำกัด 
ในครั้งหน้าเราจะมาดูกันว่า ในแต่ละหัวข้อมีรายละเอียดอะไรบ้าง